เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 คุณสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ได้ออกรายการ FM 96.5 เวลา 9-10 โมง ซึ่งผมได้ฟังแล้วเก็บรายละเอียดมาบอกให้ทุกๆท่านทีคิดว่ายังสงสัยในเรื่อง เครดิตรบูโรกันอยู่ ได้กระจ่างแจ้งกัน ขอเขียนเป็นข้อๆนะครับ เพราะฟังไฟจดไป

–          เราจะมีข้อมูลในเครดติดรบูโรเมื่อไหร่ : ข้อมูลของเราจะถูกส่งเข้าเครดิตรบูโรเมื่อเรามีบัญชีหนี้ ทางเจ้าหนี้ก็จะส่งข้อมูลของเราไปที่ ศูนย์ข้อมูลภายใน 30 วันตามกฎหมาย

–          ปัจจุบันมีสถาบันการเงิน (Bank และ Non Bank) ที่เป็นสมาชิกเครดิตรบูโรจำนวน 73 รายที่ใช้ข้อมูล

–          ประเทศไทย ณ 26 เมษายน 2554 มีชื่อในเครดิตรบูโรจำนวน 20 ล้านคน,มีบัญชีหนี้ 60 ล้านบัญชี โดย 5 ล้านเป็นสถานะที่ผิดนัดชำระ

–          ประวัติการชำระหนี้นั้นไม่สามารถลบออกได้ ทั้งประวัติดี (ประวัติเสียด้วย)

–          ประวัติการชำระหนี้นั้นจะมี 36 แถว (3 ปี) โดยบริษัทเจ้าหนี้เราจะส่งข้อมูลให้ทุกเดือนว่าสถานการณ์ชำระเงินเป็นแบบไหน โดยถ้าครบ 36 เดือน แล้วมีรายการเข้ามามันก็จะรันรายการแรกออกไป เช่น  มีรายการ 36 แล้วมีมาบวก 1  รายการที่ 1 ก็จะหายไป การเก็บข้อมูลเป็นแบบ FIFO (First in First out) แต่แม้รายการที่ 1 จะประวัติเสีย แล้วผ่านไป 24 รายการ (2ปี)  ก็ตาม แต่ถ้าไม่ชำระหนี้ของรายการแรก  รายการที่ 1-24 มันก็ยังสถานะไม่ชำระหนี้อยู่ดีนะ ฉะนั้น ก็ต้องให้รายการที่ 24 หายไป ก็ต้องนำเงินไปชำระหนี้ แล้ว ก็ต้องให้รายการที 24 ครบ 3 ปี อยู่ดี(หวังว่าคงไม่งงนะครับ)  สรุปสั้นๆว่า ถ้าสถานะหนี้คุณทุกบัญชีเป็นสถานะผิดนัดชำระ แล้วแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จะต้องรอ 3 ปี ข้อมุลเครดิตรบูโรคุณถึงจะใสสะอาด ไม่มีประวัติเสียนั่นเอง

–          คำว่า Back list ในสาระบบ เครดิตรบูโรไม่มี มีแต่การนิยามกันเอง มีแต่สถานะของการชำระหนี้เท่านั้นว่าเป็นอย่างไร แต่สถาบันการเงินต่างหากที่เข้ามาดูและเป็นผู้พิจารณาเอง

–          เกณฑ์การปล่อยหนี้ของแต่ละสถาบันเข้มงวด และเงื่อนไขไม่เท่ากัน ไม่ใช่ว่าประวัติย้อนหลัง 3 ปีมีตำหนิ แล้วจะกู้ไม่ได้ เค้าดูหลายอย่างเช่น   บางสถาบันดูว่าแม้ยังมีประวัติผิดนัดชำระก็ตาม แต่หนี้ปัจจุบันดีแล้ว และย้อนหลัง 3 เดือนสถานะดูดี เค้าก็ให้สินเชื่อ เป็นต้น