rss

เพียงความทรงจำ…..

เรื่องราวความรักของฉันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

รู้เพียงแต่ว่าในสมุดบันทึกประจำวันของฉัน

มีชื่อเขาตั้งแต่วันมอบตัวทีเดียว…

คงเพราะความบังเอิญที่ทำให้เราสองคนมักจะได้ทำอะไรด้วยกันเสมอ

ได้เล่นละครด้วยกัน ได้นั่งคู่กันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์

หรือแม้กระทั่งไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง…

แต่เรากลับไม่ได้ใกล้ชิดกันเท่าที่ควร

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม…จนวันหนึ่ง…

” มีนอยากวาดรูปเหรอ เราสอนให้ก็ได้นะ”

นี่แหล่ะประโยคสำคัญที่ทำให้เราสองคนได้มีโอกาส ใกล้ชิดกันมากขึ้น

เขารีบกระวีกระวาดไปหากระดาษกับดินสอมาวางไว้ตรงหน้าฉัน

ไม่รู้ว่าวิญญาณครูไปสิงอยู่กับชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

เขาลากเส้นเป็นตัวอย่างแล้วให้ฉันลองทำตามไปช้าๆ

ลมที่พัดแรงทำให้ผมของฉันปลิวจนยุ่งไปหมด

“ขอโทษนะ” เขาพูดแล้วเอื้อมมือมาหยิบปอยผมของฉันที่ปลิว

เพื่อเหน็บหูของฉันไว้อย่างเดิม

“ขอบคุณนะเฟิร์ส” ฉันพูดเขินๆ ใบหน้ากลายเป็นสีแดงระเรื่อ

เขายิ้มบางๆเหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร

หลังจากทนนั่งดูฉันลากเส้นที่ดูไม่ได้เอาเสียเลยมาเป็นเวลานาน

เขาก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้ว ส่ายหน้าไปมาอย่างหดหู่

“แย่กว่าเราตอนฝึกวาดใหม่ๆซะอีก”

เขาทำท่าทางเหมือนครูที่กำลังดุนักเรียนอยู่ยังไงยังงั้น

“ก็คนมันไม่เก่งนี่นา ไม่ต้องสอนก็ได้นะ”

ฉันบ่นเบาๆแล้ววางดินสอลงแรงๆ

“เอาเหอะฝึกต่อไปละกันฮะ

วาดรูปน่ะไม่ยากหรอกถ้ามีคนสอนดีๆอย่างเรา”

เขาบอกยิ้มๆ

ฉันส่ายหน้ากับความหลงตัวเองของเขา…หลงตัวเองจริงๆนะนายเฟิร์สจอมเก๊ก…

เราสนิทกันมากขึ้นทุกที…สนิทท่ามกลางเสียงแซวและวิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อนที่

ไม่เว้นแม้แต่ในคาบเรียน “สวีทกันจังเลยคู่นี้”

เสียงเพื่อนๆที่ดังมาจากด้านหลังห้องทำให้ฉันต้องวางดินสอลงอายๆ

“เฮ้ย! เธออย่าแซวซิ เราไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย”

เฟิร์สแก้ตัวให้

เพื่อนๆทำสีหน้าไม่เชื่อ

แต่พอเห็นหน้าตาเอาเรื่องของฉันก็เลยจำใจต้องสงบปากสงบคำแล้วเดินหนีไปคุยกันที่อื่นแทน

“ช่างเขาเหอะ” ฉันพูดเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป

“มีน…เรามีอะไรจะบอก” เขาพูดท่าทางเขินๆ

“อารายเหรออออ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดลากเสียงยาว

“เราชอบผู้หญิงคนหนึ่งนะ”

สีหน้าอายๆของเขาทำให้ฉันแอบหวังอยู่ลึกๆว่านี่

คงจะเป็นวิธีการบอกรักทางอ้อมของเขา แต่….

“คนนั้นไง”

ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เพื่อนร่วมสถาบันคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู

ฉันหันไปยิ้มล้อ

บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยจนนิดเดียว

อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยหวังให้เขามารัก

แค่รู้สึกรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็พอ

เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น ฉันวางดินสอลงโดยอัตโนมัติ

“เรากลับแล้วนะ” ฉันบอกเบาๆ

“ขอบคุณสำหรับการสอนวาดรูปและทุกๆอย่างนะ”

“มีนพูดเหมือนสั่งลาเลย” เขาพูดติดตลก

“อย่างกับเราจะไม่ได้สอนมีนอีกอย่างนั้นแหละ”

“ใครจะไปรู้ล่ะ

“ชีวิตมันไม่แน่หรอกเฟิร์ส” ฉันพูดทีเล่นทีจริง

แล้วเดินไปปิดกระจก

และประตูห้องเรียน เขาเดินมาช่วยอีกแรงหนึ่ง

“วันเสาร์เจอกันที่เรียนพิเศษแล้วกันนะ บ๊ายบาย”

เขาบอกลาแล้วโบกมือให้

ฉันยิ้มรับแล้วโบกมือตอบไป

“กลับบ้านดีๆนะจ้ะหนูมีน” เสียงตะโกนของเขาที่ดังตามหลังมา

ทำให้ฉันแอบอมยิ้มบางๆอย่างมีความสุข

ฉันนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขานับตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน

ตลอดเส้นทางกลับบ้าน

ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่แสนจะธรรมดาคนนี้ จะกลายมาเป็นคนสำคัญของหัวใจ

ถึงจะรู้ว่าเขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว

แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไรเพราะฉันก็ยังคงมีความสุขที่จะรักเขา

ที่จะได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา

มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันคนนี้แล้ว

ฉันหยิบภาพเหมือนของฉันที่เขาวาดให้ตอนวันเกิดขึ้นมาดู

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

ฉันยังจำเสียงใสๆของเขาที่บอกตอนเช้าตรู่ในวันสำคัญของฉัน

“มีความสุขมากๆนะครับมีน”

รอยยิ้มจริงใจของเขาในวันนั้นยังบันทึกอยู่ในความทรงจำ

ของฉันเสมอมา….ไม่เคยลบเลือน

“โครมมมมมมม!!!!!!” เสียงดังขึ้นที่ถนนสายหนึ่ง

บรรดาไทยมุงต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์รถคว่ำ

ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งถูกหามออกมา

กระดาษวาดเขียนตกลงมาจากมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเธอ

ชายแก่คนหนึ่งหยิบขึ้นมาดู เห็นหยดเลือดเปรอะไปทั่วแผ่นกระดาษนั้น

แต่ก็พอจะมองเห็นลางๆ

ว่าเป็นภาพวาดของหญิงสาวที่กำลังยิ้มสดใสในชุดนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดัง

มีลายมือที่เขียนไว้ใต้ภาพอย่างสวยงามว่า

“เพียงความทรงจำ…เฟิร์ส”

ชายแก่คนนั้นทิ้งภาพไว้ที่เดิมอย่างไม่ใคร่สนใจใยดีนัก

ลมเริ่มพัดกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆ

จนทำให้กระดาษแผ่นนั้นปลิวตกลงไปบริเวณลำคลองริมถนนและค่อยๆจมหายลงไปใต้ผืนน้ำนั้น…

ผมได้สมุดเล่มนี้มาจากเพื่อนสนิทของเธอ…

ผมเลยขอเขียนเรื่องนี้ให้จบด้วยมือของผมแทน

เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา

ผมไปเรียนพิเศษก็นึกแปลกใจอยู่ตะหงิดๆว่าทำไมเธอถึงไม่มาเรียน

เพราะปกติเธอไม่ใคร่จะชอบหยุดเรียนนัก

บังเอิญผมไปพบเพื่อนสนิทของเธอเข้าพอดิบพอดี

“เฟิร์ส…รู้เรื่องมีนหรือยัง”

เขาถามผมทันทีที่พบกัน สีหน้าของเขามีแววเศร้าๆปรากฏอยู่

ตาก็ดูบวมแดงผิดปกติ

“ยังครับ มีนทำไมเหรอ” ผมถามยิ้มๆ

เธอก็คงไม่สบายแต่อาจจะหนักหน่อยถึงยอมขาดเรียนวันนี้…ผมคิด

“มีนรถคว่ำ ตอนนี้อยู่ห้อง ICU โรงพยาบาล………….” เขาบอก

ผมอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ

พอได้สติอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้อง ICU

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งข้างๆเพื่อนสนิทของเธอคนเดิม

เขาจัดการเป็นธุระไถ่ถามพยาบาลถึงเตียงของเธอเพราะไม่เห็นเธออยู่ที่เตียงเดิม

“เสียใจด้วยนะคะ คุณมีนาหัวใจล้มเหลวเมื่อ 15 นาทีที่แล้วค่ะ”

.

ผมอื้อไปหมดจนไม่ได้ยิน

เสียงพยาบาลที่พูดอธิบายเรื่องราวต่อจากนั้น

ถ้าจะถามผมว่าวินาทีนั้นผมรู้สึกเช่นไร

ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน

เพียงแต่ว่าน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาท่วมใบหน้าของผมตั้งแต่ได้รับรู้ว่า

“เธอจากไปแล้ว”

ผมอ่านบันทึกเล่มนี้หลังจากที่ร่างของเธอฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว…

ผมเพิ่งรู้ว่าเธอรักผม…

แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้เลยว่าคำพูดที่ผมพร่ำบอกกับเธออยู่บ่อยครั้งว่า

“รักกับชอบแตกต่างกัน” มันคือสิ่งที่ผมอยากให้เธอรับรู้

หญิงคนที่ผมเคยชี้ให้เธอดูคือคนที่ผมชอบ

แต่ผู้หญิงคนที่ผมรักคือ

“เธอคนนี้”… เธอคนที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ผมอยู่เสมอ…

เธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าผมคิดอย่างไรกับเธอ

ถ้าผมสามารถขอพรวิเศษใดๆได้

ผมอยากจะขอแววตาคู่นั้นที่เคยจ้องมองผมด้วยความรู้สึกดีๆอยู่เสมอ

รอยยิ้มที่เคยมีให้เวลาผมท้อแท้

เสียงหัวเราะที่เคยทำให้โลกทั้งโลกดูสดใส

…ผมอยากจะขอให้เธอกลับคืนมา…

เธอคือรักครั้งแรกของผม

อาจต้องใช้เวลามากสักหน่อยในการทำใจว่า

ต่อจากนี้จะไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว

ไม่มีคนที่เข้าใจและคอยห่วงใยผมตลอดมา

แต่ผมรู้เสมอว่าเธอจะคอยจ้องมองผมอยู่ห่างๆ เหมือนอย่างเคย

เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเรียกมันว่าความสุข และเธอจะรอผมอยู่ ณ

ที่แห่งนั้น

ตรงดินแดนแห่งความรักที่สร้างไว้สำหรับเราเพียงสองคน…

สักวันผมจะไปหาเธอ…

หลับให้สบายนะครับ…มีน…

หลับตาเถอะนะ…แล้วเราก็จะพบกันอาจเป็นเพียงฝันก็พอใจ

หลับตาเถอะนะ…ถึงตัวเราจะแสนไกลห่างกันเพียงไหนก็ใกล้เธอ

ชีวิตขีดเส้นทางไว้ให้เราเจอกันขีดทางที่ผกผันให้มีวันห่างไกล

หลับตานานนาน…คิดถึงวันเก่าจะยังมีเราสองคน…หลับตาเถอะนะเธอ…

Loading Facebook Comments ...